“เป๊ป” ใจชื้น “บาร์ซ่า” ยันไม่ทุ่มซื้อ “แบร์นาโด้”เริ่มเกมมาช่วงแรก เกมของ ไลป์ซิก ดีกว่าชัดเจน และได้ลุ้นก่อนในนาทีที่ 3 คอนราด ไลเมอร์ ทำชิ่งกับ ติโม แวร์เนอร์ ก่อนได้ยิงในเขตโทษฝั่งขวา เกรกอร์ โคเบล ซูเปอร์เซฟปัดมือเดียวออกหลัง และจากจังหวะเตะมุมจบด้วยการยิงด้วยซ้ายในเขตโทษของ เบนจามิน เฮนริชส์ แต่ว่า โคเบล ก็ทุบออกหลังไปอีก
ครึ่งหลังเริ่มมานาทีเศษ เกมต้องหยุดลงเมื่อ อเล็กซ์ อีโวบี้ โดน ไทเรลล์ มาลาเซีย เสียบหนักจนเจ็บเล่นต่อไม่ไหวถึงขั้นถูกหามออกสนาม เอฟเวอร์ตัน จึงต้องเปลี่ยนให้ อับดูลาย ดูกูเร่ ลงสนามแทน
เริ่มเกมไปเพียงแค่ 13 วินาที เควิน เดอ บรอยน์ เปิดบอลยาวไปถึง อิลคาย กุนโดกัน กดด้วยขวาส่งให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำอย่างรวดเร็ว 1-0 พร้อมกับกลายเป็นคนที่ทำประตูเร็วที่สุดในนัดชิงในเอฟเอ คัพ โดยทำลายสถิติเดิมที่ หลุยส์ ซาฮา ทำไว้ที่ 25วินาที ในนัดชิงปี 2009โดยจุดเริ่มต้นมาจากการที่ ริเวอร์ เพลท ได้ประตูจากลูกจุดโทษ และหลังจากที่ มิเกล บอร์ฆา ยิงจุดโทษขึ้นนำก็มีใบแดงถึง 7 ใบ ( ริเวอร์ เพลท 3 คน กับ โบคา 4 ราย) และต้องใช้เวลาอยู่ราว 15 นาทีกว่าที่ความวุ่นวายจะยุติลง อีกทั้งเกมนี้มีช่วงทดเวลาไปรวมแล้ว 19 นาที ก่อนที่ ริเวอร์ เพลท จะชนะไป 1-0 ซึ่งยังไม่นับใบเหลืองในเกมนี้ที่แจกกันกระจายอีก 10 ใบ
เยร์รี มีน่า กองหลัง และปีกอย่าง แอนดรอส ทาวน์เซนด์ จะย้ายออกจากสโมสรแบบไร้ค่าตัว หลังจากสโมสรเลือกที่จะไม่เสนอสัญญาใหม่ให้แต่ในนาที 17 เรอัล เบติส ก็มาทวงประตูคืนได้ทันควัน บอร์ฆา อีเกลเซียส จ่ายตัดหลังแนวรับเจ้าถิ่นไปให้ เซร์คิโอ กานาเลส ได้วางเท้ายิงโล่งๆด้วยขวาตุงตาข่ายเข้าไปหมด ให้ ทีมเยือนตีเสมอเป็น 1-1