ด้าน ตฤณภัส กับ อดิเทพ กล่าวหลังการแข่งขันว่า รู้สึกตื่นเต้นมากเพราะว่าเป็นการแข่งขันซีเกมส์ครั้งแรกของตัวเอง อีกทั้งร้างสนามไปนานเกือบ 2 ปี เลยทำให้กระโดดผิดฟอร์มของตัวเองไป อยากกลับมาแก้ตัวอีกครั้งในการแข่งขันครั้งหน้าที่ประเทศกัมพูชาไทย จัดจอยักษ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 พร้อมกิจกรรมเกมแสนสนุกและลุ้นรับรางวัลสุดพรีเมียม ที่ กกท. หัวหมาก
มาโน กล่าวต่อว่า เกมกับมาเลเซียนั้นพอใจครึ่งแรกอย่างมาก เพราะทีมได้เล่นตามแนวทางที่วางเอาไว้ แต่การที่โจนาธาน เข็มดี โดนใบแดง นั้นถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมและนักเตะจะต้องเรียนรู้ในการเล่นกับทีมที่มีผู้เล่นมากกว่า เพราะจะเห็นได้ว่าครึ่งหลังทีมไม่สามารถครอบครองบอลได้มากนัก และเสียบอลง่ายๆ จนทำให้มาเลเซียเป็นฝ่ายบุกได้อย่างต่อเนื่อง“แน่นอนว่าสไตล์ของทีมเป็นสไตล์ที่ชอบเกมรุกอยู่แล้ว พอเหลือ 10 คนต้องถอยมาเล่นเกมรับมากกว่าปกติมันไม่ใช่เกมที่ไทยถนัดเลย ฉะนั้นจะต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดตรงนี้”
สำหรับระเบียบว่าด้วยการมอบเงินรางวัลอัดฉีดในกีฬาซีเกมส์นั้น ตามการปรับใหม่เมื่อปี 2562 โดยเหรียญทองมอบให้เหรียญละ 300,000 บาท, เหรียญเงิน 150,000 บาท และเหรียญทองแดง 75,000 บาทด้วยเหตุนี้ นักฟุตบอลคนนี้จึงตัดสินใจเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งต่อมาผู้หญิงคู่กรณีถูกจับกุมตัว แต่คดียังไม่มีความคืบหน้าไปไหน เนื่องจากตัวนักเตะไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด เพราะกลัวเรื่องราวถูกเผยแพร่สู่สาธารณชน
นายภานพ ใจเกื้อ รองเลขานุการมูลนิธิกองทุนพัฒนาการกีฬา กล่าวว่า มูลนิธิกองทุนพัฒนาการกีฬา ก่อตั้งโดยผู้ใหญ่ใจดีหลากหลายอาชีพ ทั้งนักธุรกิจ ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรภาครัฐ ซึ่งมีความปรารถนาอยากจะช่วยพัฒนาวงการกีฬาตั้งแต่ต้นน้ำ โดยเริ่มต้นจากนักสนุกเกอร์ชาวไทย “เอฟ นครนายก”เทพไชยา อุ่นหนู และ “หมู ปากน้ำ”นพพล แสงคำ ที่กำลังเตรียมสู้ศึกสนุกเกอร์ชิงแชมป์โลกในฤดูกาลหน้าที่จะเริ่มเปิดสังเวียนในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยทางมูลนิธิกองทุนพัฒนาการกีฬาจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการฝึกซ้อมในระหว่างที่ทั้งสองคนอยู่ที่อังกฤษ เป็นรายเดือน ๆ ละ 50,000 บาท ซึ่งในเบื้องต้นจะสนับสนุนเป็นเวลา 6 เดือนเริ่มตั้งแต่ กรกฎาคม ถึง ธันวาคม 2565 รวมเป็นเงิน 300,000 บาท และหลังจากนั้นก็จะมาดูผลงานก่อนที่จะให้การสนับสนุนต่อในปี 2566 ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเงินจำนวนไม่ได้มาก แต่ก็เชื่อว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระของนักกีฬาทั้งสองคนได้บ้างล่าสุด ตะวันฉาย ก็ได้คิวคัมแบ๊กสังเวียนอีกครั้งให้แฟนๆ หายคิดถึง โดยจะพบกับ “นิคลาส ลาร์เซน (Niclas Larsen) แชมป์ WBC จากแดนโคนมเดนมาร์ก วัย 32 ปี ที่ผ่านการชกมวยไทยและคิกบ็อกซิ่งมาแล้วกว่า 70 ไฟต์ ทั้งยังเคยประมือกับซุปตาร์ตัวท็อปอย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ มาแล้ว การเปิดตัวไฟต์แรกกับ ONE ในฐานะคู่ชกของ ตะวันฉาย จึงน่าจับตามองอยางยิ่ง